8 เคล็ด(ไม่)ลับยืดอายุแบตเตอรี่รถไฟฟ้า BYD ให้ใช้ได้นานขึ้น

Blade Battery ของ BYD

เทคโนโลยี Blade Battery ภายในรถไฟฟ้า BYD

แบตเตอรี่นับเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า โดยทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนรถ โดยปกติแล้วความจุของแบตเตอรี่จะค่อยๆ ลดลงตามเวลาและการใช้งาน โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า BYD จะมีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาแบตเตอรี่ ดังนั้นการดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างเหมาะสมจะช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แอดมิน BYD ชลบุรี ออโตโมทีฟ จึงจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ในการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถไฟฟ้า BYD ของคุณ เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมแบตเตอรี่ และใช้งานได้อย่างคุ้มค่า

8 เคล็ดลับในการดูแลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า BYD

BYD Dolphin กำลังชาร์จไฟ

BYD Dolphin รุ่น Extended Range

  1. ชาร์จไฟรถ BYD จนเต็มก่อนการขับครั้งแรก หรือหลังจากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน

    เมื่อใช้รถไฟฟ้า BYD เป็นครั้งแรกหรือหลังจากไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลานาน SOC (State of Charge) ที่แสดงบนหน้าจอแสดงผลสำหรับคนขับอาจไม่ถูกต้อง เนื่องมาจากเซลล์แบตเตอรี่ในแบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะค่อยๆ สูญเสียประจุไฟฟ้าเมื่อเวลาผ่านไป ส่งผลให้ SOC ลดลง ดังนั้น หากพบว่า SOC ที่แสดงบนหน้าจอแสดงผลไม่ถูกต้อง ให้ชาร์จไฟให้เต็มก่อนใช้งานรถอีกครั้ง เพื่อเป็นการรีเซ็ตค่า SOC ใหม่

  2. ชาร์จรถไฟฟ้า BYD ให้เต็มอย่างสม่ําเสมอ

    การชาร์จรถไฟฟ้า BYD ให้เต็มเป็นประจำจะช่วยรักษาระดับ SOC (State of Charge) ของแบตเตอรี่ให้คงที่ SOC คือ ระดับความจุของแบตเตอรี่ โดยวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ หาก SOC ต่ำเกินไป (<20%) เซลล์แบตเตอรี่อาจเสียหายได้ เนื่องจากเซลล์แบตเตอรี่จะคายประจุไฟฟ้าออกมาตลอดเวลาแม้ในขณะที่ไม่ได้ใช้งานรถ

    ดังนั้น แอดมินอยากจะแนะนำผู้ใช้รถไฟฟ้า BYD ทุกคนว่าควรชาร์จรถไฟฟ้า BYD ให้เต็มอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และควรชาร์จแบตเตอรี่ที่ระดับประจุไฟต่ำกว่า 10% ให้เต็มทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่คายประจุจนเกินไป

  3. หากคาดว่าจะไม่ได้ขับรถเกิน 7 วัน เจ้าของควรชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า BYD ของท่านไว้ที่ 40-60%

    การปล่อยให้ SOC ต่ำเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้แบตเตอรี่คายประจุมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลล์แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า BYD เสื่อม ลดประสิทธิภาพการทำงาน หรือแม้กระทั่งสร้างความเสียหายได้ ดังนั้น หากคาดว่าจะไม่ได้ขับรถเกิน 7 วัน เจ้าของควรชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ 40-60% เพื่อดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุยาวนานนะคะ

  4. หากไม่ได้ใช้งานเกิน 3 เดือนขึ้นไป ผู้ใช้ควรชาร์จแบตให้เต็มทุก 3 เดือนแล้วจึงปล่อยให้คายประจุเหลือ 40-60%

    การทิ้งรถไว้นานๆโดยไม่นำออกมาใช้เลยเป็นระยะเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไป อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่คายประจุมากเกินไป ลดประสิทธิภาพการทำงาน หรือแม้กระทั่งสร้างความเสียหายแก่ตัวแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า BYD ได้เลยค่ะ ดังนั้น ถ้าหากตอนไหนที่ท่านไม่ได้ใช้รถเป็นระยะเวลานาน ควรหมั่นนำรถไปชาร์จให้เต็มอย่างน้อยทุก 3 เดือนเพื่อเป็นการกระตุ้นให้แบตเตอรี่ของรถ BYD ทำงานได้อย่างเป็นปกติค่ะ

  5. ชาร์จรถ BYD ทันเมื่อแบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0

    หากแบตเตอรี่หมดจนเหลือแบต 0% ควรชาร์จไฟรถทันที การทิ้งรถไฟฟ้าให้แบตหมดเป็นเวลานาน และไม่ชาร์จไฟภายใน 7 วัน แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า BYD อาจได้รับความเสียหายถาวรได้ แอดมินจึงอยากจะขอย้ำเตือนให้เจ้าของรถ BYD ทุกท่านจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ เพราะว่าความเสียหายดังกล่าวไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันของ BYD ค่ะ

  6. รักษาความเร็วคงที่

    การขับรถไฟฟ้า BYD ด้วยความเร็วคงที่จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าการขับรถด้วยการเร่งและเบรคความเร็วบ่อยๆ การเร่งความเร็วกะทันหันจะทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อเพิ่มความเร็วให้รถอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในแบตเตอรี่ และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ การเร่งความเร็วกะทันหันยังทำให้ระยะทางวิ่งได้ลดลงอีกด้วย

    การเบรคกะทันหันจะทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อลดความเร็วให้รถอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในแบตเตอรี่ และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ การชะลอความเร็วกะทันหันยังทำให้ระยะทางวิ่งได้ลดลงอีกด้วย

    ดังนั้น เจ้าของรถ BYD ทุกท่านจึงควรหลีกเลี่ยงการเร่งและเบรคอย่างกระทันหัน โดยควรขับรถด้วยความเร็วคงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากต้องการเร่งความเร็วหรือชะลอความเร็ว ก็ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป


  7. หลีกเลี่ยงการขับรถไฟฟ้า BYD ในสภาพอากาศรุนแรงโดยตรงเป็นเวลานาน

    แบตเตอรี่รถไฟฟ้าไวต่อความร้อนและแสงแดด หากท่านจอดรถไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงหรือตากแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ๆ จะทําให้แบตเตอรี่มีความร้อนสะสมเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและอายุการใช้งานสั้นลง

    เพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรจอดรถไฟฟ้า BYD ในที่ร่มเสมอ หากเป็นไปได้ให้จอดรถในโรงรถหรือใต้หลังคา และอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความร้อนจากแสงแดดส่องกระทบโดยตรงต่อแบตเตอรี่ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ต่อเนื่องในอากาศรุนแรง (สูงกว่า 60°C หรือต่ำกว่า –30°C) ติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ทำงานหนักเกินไปในระยะยาว หากจำเป็นต้องขับรถยนต์ไฟฟ้าติดต่อกันเป็นระยะทางยาวนานในสภาพอากาศรุนแรง ควรหาจุดหยุดพักระหว่างทางเพื่อถนอมแบตเตอรี่ของรถ

  8. ควรระมัดระวังในการขับในพื้นที่ขรุขระหรือน้ำท่วมขัง

    แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า BYD จะอยู่บริเวณด้านล่างของรถ ดังนั้นจึงควรขับรถอย่างระมัดระวังในภูมิประเทศที่ขรุขระหรือน้ำท่วมขัง เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ได้รับความเสียหาย หากต้องขับรถผ่านพื้นที่ขรุขระ ให้ลดความเร็วลงและหลีกเลี่ยงการกระแทกรุนแรง และหากต้องขับรถผ่านพื้นที่น้ำท่วมขัง ให้ขับผ่านอย่างช้าๆ และหลีกเลี่ยงการลุยน้ำลึก

BYD Han BYD Tang Byd atto 3

สรุป

การปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้งานรถไฟฟ้า BYD ได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัย แบตเตอรี่ของคุณจะมีอายุการใช้งานยาวนานไปหลายปีเลยค่ะ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการขับ สำหรับลูกค้าทุกท่านของ BYD จะได้รับสิทธิพิเศษจาก REVER Care ที่รับประกันแบตเตอรี่ของรถ BYD ของท่านนานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นขอให้ทุกท่านมั่นใจในมาตรฐานคุณภาพของแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า BYD ได้เลยค่ะ หากท่านใดสนใจในรถ BYD ของเรา สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองขับรถไฟฟ้า BYD กับเรา “BYD ชลบุรี ออโตโมทีฟ” ได้ทั้ง 2 สาขาในพื้นที่พัทยาและศรีราชา ได้เลยทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น.

BYD ศรีราชา ชลบุรี
  1. BYD Chonburi Automotive พัทยา (ใกล้แยกกระทิงราย)

  2. BYD Chonburi Automotive ศรีราชา (ใกล้นิคมปิ่นทอง)

โดยลูกค้าทุกท่านสามารถติดต่อแอดมินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, หรือโทรสอบถามโดยตรง ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีและรวดเร็ว รวมถึงสต๊อกรถแน่น คิวรันไว ส่งมอบรถทันใจทันที

Previous
Previous

ทดลองขับ BYD ที่ชลบุรี ศรีราชา พัทยา

Next
Next

ลูกค้า BYD เฮ! “Carbon Credit” แลกไมล์ลดค่าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า